และเราก็มาถึงสุดยอดเทคโนโลยี แห่งศตวรรษที่ ๒๐ โลกเราจะน่าพิศวงสักเพียงไร ถ้าหากเราตื่นขึ้นมาแล้วพบคนคนหนึ่ง ซึ่งเหมือนเราดั่งคนเดียวกัน ใน ปี ค.ศ. ๑๙๙๐ นักวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่งแห่งสถาบันรอสลิน ในสก็อตแลนด์ ได้ทุ่มเทค้นคว้าหาทางผลิตสิ่งมีชีวิตขึ้น โดยมีคุณสมบัติเหมือนบุพการีของมันทุกประการ เขาผู้นั้น- ดร.เอียน วิลมุท นำเอาลูกอัณฑะของแกะตัวหนึ่งมาสกัดเอานิวเคลียสที่มี เซลล์สืบพันธุ์ออก จากนั้นก็เอา DNA จากแกะตัวที่เขาต้องการสร้างทายาทมาใส่แทนที่นิวเคลี ยสนั้น แล้วจึงนำไปฝังในแกะแม่พันธุ์ ถัดจากนั้นมาอีก ๑๔๘ วัน ดอลลี่ (Dolly) แกะโคลนนิ่งตัวแรกของโลกก็ถือกำเนิดขึ้นมา การพัฒนาโคลนนิ่งนำไปสู่ประโยชน์หลายประการ เช่นการเพาะอวัยวะสำหรับทดแทนอวัยวะของคนไข้ ซึ่งจะไม่ก่อปฏิกิริยาไม่ยอมรับดังเช่นทั่วไป การเพาะพันธุ์วัวที่สามารถให้น้ำนมที่อุดมด้วยโปรตีน หรือมีเนื้อที่มีคุณถาพสำหรับการบริโภค การผลิตวัคซีนสำหรับต่อต้านโรคต่างๆ ฯลฯ แต่การโคลนนิ่งมนุษย์เพื่อให้มาเป็นเพื่อนที่มีหน้าตาเหมือนคุณนั้นยังคงเป็นปัญหาต่อไปอีกนานครับ
อันดับ 2 หัวใจเทียม (Artificial Heart Muscles)
ในแต่ละปีโลกเรามีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจถึง ๑๗ ล้านคน และหลายประเทศมีการตายด้วยโรคหัวใจเป็นอันดับ 1 นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่รอรับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ อีกนับพันนับหมื่นราย แต่ทว่าในปัจจุบัน ได้มีการประดิษฐ์หัวใจเทียมได้อย่างมีประสิทธิภาพและ รวดเร็วพอเพียงกับจำนวนผู้ป่วยแล้ว ย้อน ไปใน ค.ศ. ๑๙๘๒ ดร.โรเบิร์ต จาร์วิค ได้ประดิษฐ์หัวใจเทียมชนิดฝังไว้ในอกเครื่องแรกขึ้นในชื่อ จาร์วิค ๑ (Jarvik 1) มันมีอุปกรณ์ระโยงรยางค์พ่วงมากมาย ประกอบด้วยตู้ควบคุมที่มีขนาดพอ ๆ กับตู้เย็น สายไฟฟ้านั้นโผล่ออกมาจากผิวหนัง ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่เดี๋ยวนี้อุปกรณ์ต่างๆ พัฒนาจนกะทัดรัดขึ้น พลังงานที่ใช้มาจากแผงแบตเตอรี่ที่คาดไว้กับตัว ทำให้พกพาไปไหนได้สะดวก มีปั๊มไฮโดรลิกที่สูบฉีดโลหิตพอดีกับจังหวะการเต้นของหัวใจนับเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยชีวิตอันน่าอัศจรรย์ยิ่ง
ในแต่ละปีโลกเรามีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจถึง ๑๗ ล้านคน และหลายประเทศมีการตายด้วยโรคหัวใจเป็นอันดับ 1 นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่รอรับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ อีกนับพันนับหมื่นราย แต่ทว่าในปัจจุบัน ได้มีการประดิษฐ์หัวใจเทียมได้อย่างมีประสิทธิภาพและ รวดเร็วพอเพียงกับจำนวนผู้ป่วยแล้ว ย้อน ไปใน ค.ศ. ๑๙๘๒ ดร.โรเบิร์ต จาร์วิค ได้ประดิษฐ์หัวใจเทียมชนิดฝังไว้ในอกเครื่องแรกขึ้นในชื่อ จาร์วิค ๑ (Jarvik 1) มันมีอุปกรณ์ระโยงรยางค์พ่วงมากมาย ประกอบด้วยตู้ควบคุมที่มีขนาดพอ ๆ กับตู้เย็น สายไฟฟ้านั้นโผล่ออกมาจากผิวหนัง ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่เดี๋ยวนี้อุปกรณ์ต่างๆ พัฒนาจนกะทัดรัดขึ้น พลังงานที่ใช้มาจากแผงแบตเตอรี่ที่คาดไว้กับตัว ทำให้พกพาไปไหนได้สะดวก มีปั๊มไฮโดรลิกที่สูบฉีดโลหิตพอดีกับจังหวะการเต้นของหัวใจนับเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยชีวิตอันน่าอัศจรรย์ยิ่ง
อันดับ 3 คอมพิวเตอร์ส่วนตัว (Personal Computer)
ย้อน กลับไปในช่วงปี ๑๙๗๐ อันเป็นยุคที่ชนอเมริกันกำลังท้อแท้กับสงครามเวียดนา ม คอมพิวเตอร์ในยุคนั้นใหญ่โตเทอะทะคับห้องแอร์ ก็ได้มีสองหนุ่มหัวใสนามสตีฟ จ๊อบส์ กับ สตีฟ วอชนิแอค ได้ร่วมกันค้นคว้าประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่คนทั่วไปสามารถใช้ได้ อุปกรณ์ชิ้นส่วนสำคัญที่เขาคิดได้นี้เรียกว่าไมโครโพ รเซสเซอร์ ซึ่งประกอบด้วยทรานซิสเตอร์จิ๋ว ๆ ผนึกติดกับแผ่นซิลิคอนชิพ คอมพ์ฯขนาดเล็กที่มีชื่อว่า แอปเปิล ๑ ได้ออกวางจำหน่ายในปี ค.ศ. ๑๙๗๖ แล้วพัฒนาเป็น แอปเปิล ๒ ซึ่งมีคำสั่งซื้อไหลหลั่งเข้ามาถึงกว่า ๒ ล้านออร์เดอร์ ในปัจจุบันมากกว่า ๕๐% ของบ้านเรือนในสหรัฐจะมีคอมพิวเตอร์ติดตั้งอยู่อย่าง น้อย ๑ เครื่อง
อันดับ 4 เลเซอร์ (Laser)
เริ่ม ค้นคว้าเกี่ยวกับเลเซอร์ก็คือวิศวกรของบริษั ทเบลล์เช่นกัน จากการค้นคว้าในช่วงทศวรรษ ๑๙๖๐ พวกเขาพบว่า แสงสว่างโดยทั่วไปนั้นคลื่นต่างๆ กัน ซึ่งถ้าสามารถรวมแสงที่กระจัดกระจายเหล่านั้นให้รวมตัวพุ่งเป็นลำเดียวภายใต้ความเข้มสูง แสงนี้ก็จะมีพลังงานมหาศาล สามารถตัดแม้กระทั่งเหล็กได้ วิธี การสร้างแสงเลเซอร์ ได้แก่การนำเอาวัสดุ ซึ่งอาจเป็นของเหลว ผลึก หรือ ก๊าซ ใส่ลงในกระบอกที่มีกระจกเงาปิดปลายทั้งสองด้าน เมื่อป้อนพลังงานเข้าไปให้อะตอมของธาตุเหล่านี้ปล่อย แสงออกมา และสะท้อนกลับไปกลับมาอยู่ในกระบอก กระทั่งเกิดอะตอมมากมายที่ปล่อยแสง ซึ่งมีความยาวคลื่นและถี่เท่ากัน จากนั้นก็จะเกิดลำแสงเดี่ยวที่มีพลังสูงยิ่ง และนำไปใช้ประโยชน์ได้นานัปการเราคงมิทันตระหนักหรอกว่า แผ่น CD หรือ DVD ที่เราเล่นอยู่นั้น ทำงานโดยเลเซอร์ การคิดราคาสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต โดยการสแกนอย่างรวดเร็ว ก็อาศัยเลเซอร์ การสื่อสารทางไกลต่าง ๆ ล้วนพึ่งพาคุณสมบัติของเลเซอร์และที่เป็นประโยชน์ใหญ่หลวงก็คือ การผ่าตัดดวงตาด้วยแสงเลเซอร์ซึ่งปฏิบัติการได้อย่าง ละเอียดและเนียนยิ่ง
อันดับ 5 เซลล์สุริยะ (Solar Cell)
โลก เราได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์มาตั้งแต่แรกอุบัติ หากทว่าเพิ่งจะในช่วงทศวรรษ ๑๙๕๐ ที่มนุษย์เริ่มรู้จักนำแสงแดดมาเปลี่ยนเป็นพลังงานแล ะนำไปใช้ประโยชน์ได้ เริ่ม จากในปี ๑๙๕๔ วิศวกรแห่งบริษัทเบลล์ ต้องการหาพลังงานที่จะใช้กับระบบเครือข่ายโทรศัพท์ใน ชนบทและเกิดปิ๊งไอเดียว่าน่าจะใช้ประโยชน์จากแสงแดดได้ พวกเขามองหาวัสดุตัวนำไฟฟ้าที่สามารถแปลงแสงแดดให้เป็นพลังงานไฟฟ้า แล้วก็พบว่าซิลิคอนที่มีอยู่เหลือเฟือบนพื้นโลกน่าจะ ดีที่สุด โดยเมื่อเอาซิลิคอนมาทำเป็นโซลาร์เซลล์ พอแสงแดดตกกระทบ อิเล็คตรอนก็จะหลุดจากอะตอมของซิลิคอน และเกิดมีกระแสไฟฟ้าไหล การ พัฒนาใช้โซลาร์เซลล์เป็นไปอย่างรวดเร็วหลากหลาย ในเดือนธันวาคม ค.ศ. ๒๐๐๐ สถานีอวกาศนานาชาติ ได้ติดตั้งแผงเซลล์สุริยะขนาดมหึมาไว้เป็นแหล่งพลังง าน เนื่องจากเป็นพลังงานชนิดเดียวที่สามารถหาได้ในอวกาศ มันไม่หมดสิ้น ถ้าหากปราศจากเซลล์สุริยะแล้ว สถานีอวกาศก็ไม่อาจปฏิบัติการได้อย่างแน่นอนที่ สุด ที่สำคัญคือ ในยามที่เชื้อเพลิงบนโลกกำลังขาดแคลน และมีราคาสูงขึ้นทุกวัน พลังงานที่อาจมาทดแทนได้ โดยไม่ต้องซื้อหา (ยกเว้นอุปกรณ์) ก็คือ แสงแดดนั่นเอง
อันดับ 6 ระเบิดปรมาณู (Atomic Bomb)
ใน ช่วงทศวรรษที่ ๑๙๔๐ อเมริกันต้องการสงบสงครามโลกครั้งที่ ๒ ให้เร็วที่สุด ปธน.รูสเวลท์ จึงมีคำสั่งให้ตั้งโครงการลับสุดยอดในชื่อแมนฮัตตันโ ปรเจ็คท์ โดยมี เจ. โรเบิร์ต อ็อพเพนไฮเมอร์ เป็นหัวหน้าทีม ทำการค้นคว้าและสร้างอาวุธมหาประลัยที่เรียกว่า อะตอมิก บอมบ์ และได้ทำการทดลองครั้งแรกกลางทะเลทราย ในรัฐนิวเม็กซิโก ในเดือนกรกฎาคม ๑๙๔๕ และแล้วอีกหนึ่งเดือนถัดมาคือ วันที่ ๖ สิงหาคม ๑๙๔๕ ระเบิดปรมาณูก็ปล่อยลงเหนือพื้นดินเมืองฮิโรชิมา, ญี่ปุ่น สังหารผู้คนนับแสนในทันทีทันใดและที่ถูกกัมมันตรังสี เจ็บป่วยล้มตายในเวลาต่อมาก็อีกมาก จัด เป็นเทคโนโลยีที่ไม่น่าพิสมัยนัก หากทว่าในปัจจุบันการใช้นิวเคลียร์เพื่อสันติ เช่น การฉายรังสีเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ก็นับเป็นสิ่งที่น่าพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไป
อันดับ 7 หุ่นยนต์ (Robot)
ใน ช่วงปี ค.ศ.๑๙๓๙ โลกเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ มนุษย์จึงหาทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงความเศร้าซึมด้วยกา รจัดมหรสพต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือมหกรรม "เวิร์ลด์แฟร์ " ซึ่งมีผู้คนกว่า ๒๕ ล้านคนไปชม และพวกเขาก็ได้เห็นสิ่งอัศจรรย์ที่นำมาโชว์ นั่นคือหุ่นยนต์ที่มีนามว่า อีเล็กโตร (Electro) มันสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้คล้ายมนุษย์ เดินได้ พูดได้ จำแนกสีต่างๆ ได้ นับเลขด้วยนิ้วมือก็ได้ แถมยังมีศัพท์ถึง ๗๗ คำในหน่วยความจำ ทำให้เจ้าอีเล็กโตรสามารถตอบคำถามได้ บริษัทผู้สร้างมันขึ้นมาคือเวสติงเฮาส์ ๒๐ ปีต่อมา วงการอุตสาหกรรมมีการผลิตโรบ็อทขึ้นจำหน่ายด้วยความมุ่งหมายว่าในอนาคต เราไม่จำเป็นต้องใช้แรงงานมนุษย์อีกต่อไป! อ๊ะ ...ถ้างั้นเราก็ตกงานน่ะซี ก็อาจเป็นจริง ด้วยอุปกรณ์อันทันสมัยประกอบด้วย เซนเซอร์ไฟฟ้า กล้องดิจิทอล อุปกรณ์นำทาง ฯลฯ เจ้าโรบ็อทก็สามารถทำบางสิ่งที่เสี่ยงอันตรายเกินไปสำหรับมนุษย์ เช่น การบุกเข้าไปในอาคารที่เกิดวินาศภัย เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต หรือ การจับต้องอุปกรณ์กัมมันตรังสี หรือ สัมผัสกับเชื้อโรคแถมยังมีลีลาน่ารักอีกต่างหากอย่างเช่น เจ้าอาซิโม (ASIMO) ที่บริษัทฮอนด้าผลิตขึ้น เป็นต้น
อันดับ 8 จรวดเชื้อเพลิงเหลว (Liquid-fueled Rocket)
มนุษย์ไม่มีโอกาสไปถึงดวงดาวได้ ถ้าหากโลกปราศจากเด็กหนุ่มนาม โรเบิร์ต ก๊อดดาร์ด นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยแมสสาชูเสตต์ ใน ช่วงปี ค.ศ. ๑๙๒๐ หนุ่มก๊อดดาร์ดใฝ่ฝันที่จะสร้างยานพาหนะสำหรับเดินทา งไปในอวกาศ ในหกปีแรกแห่งการค้นคว้า เขาทดลองใช้จรวดเชื้อเพลิงแข็ง แต่พบว่ามันไม่มีพลังพอที่พุ่งหนีแรงดึงดูดของโลกไปได้เขาจึงเปลี่ยนมาทดลองใช้เชื้อเพลิงผสมระหว่างอ๊อกซิเจนกับแกสโซลีน ซึ่งให้พลังงานมหาศาล หากทว่าเกิดความร้อนที่สูงเกิน ๕,๐๐๐ ฟาห์เรนไฮท์ ซึ่งแม้แต่เหล็กก็ยังละลาย เขาจึงพัฒนาต่อโดยใช้อ๊อกซิเจนเหลวเป็นตัวระบายความร้อนห่อหุ้มห้องเผาไหม้ จรวดของก๊อดดาร์ดพุ่งสู่ท้องฟ้าสูงลิ่วภายในพริบตาแม้เชื้อเพลิงจะหมดลงในเวลาอันสั้น แต่ก็ได้จุดประกายความคิดในด้านนี้แก่นักวิทยาศาสตร์ คนอื่น ปัจจุบัน กระสวยอวกาศ (space shuttle) คือจรวดเชื้อเพลิงเหลวที่แอดวานซ์ที่สุด ภายใน ๙ นาที มันเผาผลาญเชื้อเพลิงถึง ๕๐๐,๐๐๐ แกลลอนและให้ความเร็วที่เหนือกว่าเครื่องบิน ๗๔๗ ถึง ๓๐ เท่า!
อันดับ 9 รถถัง (Tank)
ในอดีตกาลนั้น สนามเพลาะเป็นเครื่องมือยุทธการที่นับว่าได้ผล การจะยกทัพบุกโจมตีฝ่าสนามเพลาะจะต้องเสียกำลังพลมาก มาย และไม่มีใครหาวิธีโจมตีสนามเพลาะได้ จนกระทั่งในปี ค.ศ. ๑๙๑๕ นายพันเออร์เนสต์ สวินตันแห่งกองทัพบกอังกฤษ ได้สังเกตเห็นว่ารถตีนตะขาบหรือแทรคเตอร์ นั้น สามารถแล่นข้ามบ่อ หลุม และคูได้อย่างสบายๆ ตีนตะขาบของมันได้ผลดีกว่าล้อหลายเท่า ท่านนายพันจึงสั่งบริษัทผลิตรถแทรคเตอร์ให้สร้างยานพ าหนะชนิดนี้ โดยทำด้วยเหล็กแข็งแรงและติดตั้งปืนกลไว้ด้วย อีก สองปีถัดมาคือใน ค.ศ.๑๙๑๗ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน กองทัพอังกฤษได้เคลื่อนขบวนรถถังดังกล่าว ๔๗๔ คัน บุกโจมตีครั้งใหญ่ใกล้เมืองแคมบรายในฝรั่งเศส ภายในไม่กี่ชั่วโมงทัพรถถังสามารถบุกฝ่าแนวรบไปได้ไก ลถึง ๑๒ ไมล์ และจับกุมเชลยศึกได้ถึง ๑๐,๐๐๐ คน
จาก นั้นเป็นต้นมา ยานเกราะก็เป็นอุปกรณ์สงครามที่สำคัญยิ่งสำหรับกองทัพทุกประเทศ ศักยภาพแห่งการระดมยิงด้วยปืนใหญ่รถถังนั้นทรงพลังใน การบุกตะลุยยิ่งนัก รถถังที่พัฒนาขึ้นในปัจจุบันสามารถยิงเป้าหมายห่างไกลถึง ๒ ไมล์ได้อย่างแม่นยำ ด้วยการควบคุมจากคอมพิวเตอร์
อันดับ 10 เครื่องบิน (Airplane)
ประวัติ ศาสตร์การบินของโลกเริ่มขึ้น ในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๐๓ เมื่อออร์วิลล์ กับวิลเบอร์ ไรท์ ได้สร้างปรากฏการณ์ด้วยการเหินเครื่องบินที่เขาประดิ ษฐ์ขึ้นสูงจากพื้นดิน ๔๐ เมตร เหนือทะเลทรายแห่งเมืองคิตตี้ฮอว์คและทรงตัวอยู่ได้น านถึง ๑๒ วินาทีในนภากาศ นับเป็นครั้งแรกที่มนุษย์บินสู่ท้องฟ้าด้วยอุปกรณ์ติ ดเครื่องยนต์ แม้ว่าพี่น้องไรท์จะใช้เครื่องยนต์พลัง ๑๒ แรงม้า แต่เขาก็พบว่า ปีกนั้นมีความสำคัญยิ่ง ความดันที่แตกต่างกันระหว่างพื้นบนและพื้นล่างของปีก จะทำให้เกิดแรงยกจนเครื่องบินลอยตัวได้ นับ แต่นั้นมาการเดินทางของมนุษย์ก็รวดเร็วกว่าเดิมหลายสิบเท่า วิถีชีวิตและสังคมก็เปลี่ยนไปจากเดิม มนุษย์ใช้เวลาที่เคยสูญเสียไปกับการเดินทางมาสร้างสร รค์สิ่งอื่นๆ ได้มากมายขึ้น โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาเครื่องบินจากที่เคยเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกนานกว่าหนึ่งวัน ลดลงเหลือเพียง ๔ ชั่วโมง ด้วยเครื่องบินคองคอร์ด ซูเปอร์โซนิก
สาระเพ 555
ตอบลบเพลงเพราะอ่ะ ลงให้มั้ง ดิ อิอิ
ตอบลบ